หนังไม่ฉายม้วนเดิม “มงคลแก้ว” เสริมหมัดอัดวงใน พร้อมวัดใจ “อีที” คิดบัญชีให้สาสม
“มงคลแก้ว ส.สมหมาย” มวยขวาครบเครื่อง วัย 30 ปี จากมหาสารคาม เครื่องร้อนพร้อมลุยแหลก เตรียมสางแค้น “อีที ทีเด็ด 99” จอมบู๊ก้านยาว วัย 29 ปี จากร้อยเอ็ด โดยจะซัดกันในกติกามวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 130 ป. ในฐานะคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 62 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 10 พ.ค.นี้ เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.
สำหรับคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 62 เดิมทีจะต้องเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง “ชาโด้ สิงห์มาวิน” พบกับ “จิมมี วีโนต์” แต่เนื่องจาก “ชาโด้” มีอาการป่วยขอถอนตัว จึงจำเป็นต้องถูกถอดยกคู่ออกไป โดยได้การเปิดศึกภาคสอง ระหว่าง “มงคลแก้ว ส.สมหมาย” พบกับ “อีที ทีเด็ด 99” เข้ามาแทนที่ ซึ่งแม้จะรู้ตัวล่วงหน้าในเวลากระชั้นชิด แต่ “มงคลแก้ว” ยืนยันว่าตนไม่มีปัญหาใด ๆ ในเรื่องนี้
“ผมซ้อมทำร่างกายมาตลอด เพราะเดิมทีผมมีโปรแกรมจะขึ้นชกวันที่ 17 พ.ค.นี้อยู่แล้ว แม้จะต้องเปลี่ยนคู่ชก และถูกขยับขึ้นมาก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะความฟิตของผมตอนนี้พร้อมลุยเต็มที่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นมากที่อยู่ดี ๆ ก็จะได้ขึ้นเป็นคู่เอก ผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ออกมาดีที่สุด ให้สมกับที่ทางรายการให้โอกาสครับ”
โดยการถูกประกบให้กลับมาเปิดศึกภาคสอง กับ “อีที” เป็นโอกาสที่ “มงคลแก้ว” จะได้แก้ไขอะไรหลายอย่างที่ไม่เป็นใจ ซึ่งทำให้เขาตกเป็นฝ่ายพ่ายน็อกในยกสุดท้าย เมื่อครั้งแรกที่เจอกันในศึก ONE ลุมพินี 39
“ผมรู้สึกดีใจมากที่จะได้แก้มือกับ อีที สักที เพราะในวันนั้น ผมขึ้นชกแบบเกร็ง ๆ มัวแต่กังวลอาวุธยาวของเขามากเกินไป จนทำให้ชกไม่เป็นธรรมชาติของตัวเอง และอีกอย่างไฟต์นั้นคือการกลับมาต่อยในพิกัด 130 ป. ครั้งแรกในรอบ 5-6 ปี ด้วยครับ ทำให้ร่างกายผมรู้สึกล้าพอสมควร และยังกะน้ำหนักตอนออกอาวุธไม่ค่อยถูกเพราะยังไม่ชินกับการชกในพิกัดนี้”
“นอกจากนั้น ผมยังได้บทเรียนเรื่องการเจอมวยอาวุธยาวด้วย เราต้องห้ามยืนวงนอกเด็ดขาด และต้องมีความระมัดระวังมากกว่านี้ เพราะจังหวะที่ผมโดนน็อกคือผมกำลังจะเข้าไปฮุกซ้าย โดยลืมนึกไปว่าอาวุธเขายาวมาก จะเข้าไปฮุกดื้อ ๆ แบบนั้นไม่ได้ ทำให้โดนศอกสวนกลับมาเต็ม ๆ”
ในส่วนการเตรียมความพร้อมไฟต์นี้ของ “มงคลแก้ว” บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดา เพราะได้ “มนัส บุญจำนงค์” อดีตนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ปี 2547 และเหรียญเงินโอลิมปิก ปี 2551 มาช่วยติวเข้มทักษะการออกหมัดให้ด้วยตัวเองถึงค่ายมวย ส.สมหมาย ซึ่งทำให้อาวุธหมัดที่เคยเป็นจุดด้อยของ “มงคลแก้ว” กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่เจ้าตัวเตรียมใช้เล่นงาน “อีที” ในครั้งนี้
“การเตรียมความพร้อมไฟต์นี้ นอกเหนือจากการซ้อมมวยไทยตามปกติแล้ว ผมยังได้ พี่มนัส มาช่วยติวหมัดให้ด้วย ต้องยอมรับว่า แต่ก่อนผมเป็นมวยแข้งที่มีทักษะการใช้หมัดอ่อนมาก เรียกได้ว่าแทบจะต่อยไม่เป็นเลย แต่พอได้พี่มนัส เข้ามาเทรนให้ ทำให้ตอนนี้หมัดผมออกได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก”
“ไฟต์นี้ผมวางแผนที่จะเข้าไปเล่นเกมวงในให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความเสียเปรียบเรื่องช่วงชก โดยมีอาวุธหมัดที่ฝึกมาเป็นอาวุธหลักในการเข้าทำ นอกจากนั้น ผมจะเพิ่มลูกเตะขาเข้าไปด้วย เพราะ อีที เขามีจุดอ่อนที่ช่วงล่างครับ”
นอกจากนั้น ด้วยผลงานความสำเร็จของสองนักสู้ร่วมค่ายส.สมหมาย อย่าง “เสกสรร อ.ขวัญเมือง” และ “ก้องธรณี ส.สมหมาย” ที่พลิกชีวิตจากการคว้าสัญญานักกีฬา ONE มาครอง ยังได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจชั้นเลิศให้ “มงคลแก้ว” พร้อมระเบิดฟอร์มล้างแค้น “อีที” ให้ได้ พร้อมตั้งเป้าสั่งสมผลงานเพื่อเจริญรอยตามเพื่อนร่วมค่าย
“ไฟต์นี้ผมพัฒนาขึ้นกว่าตอนที่เจอกันครั้งที่แล้วในทุก ๆ ด้าน และปรับตัวเข้ากับพิกัด 130 ป. ได้แล้วด้วย รูปเกมคิดว่าน่าจะเป็นผมที่เป็นฝ่ายเดินเข้าหาครับ เพราะ อีที เขาน่าจะรอดักบวกจังหวะสองเหมือนครั้งที่แล้วที่เขาน็อกผมได้ ผมมั่นใจว่าจะล้างแค้นได้ ลึก ๆ ในใจ ผมอยากจะปิดเกมแบบไม่ครบยก แต่ไม่อยากฟันธง ไปรอดูเกมบนเวทีดีกว่า ซึ่งผมเชื่อว่าจะต้องออกมาสนุกแน่ ๆ”
“ไฟต์นี้ผมตั้งใจมาก ผมออกสตาร์ตปีนี้ได้สวยแล้วด้วยชัยชนะ ผมก็อยากจะเก็บแต้มให้ได้อีกเพื่อไปต่อ ผมเห็นพี่เสกสรร กับ ก้องธรณี เขาพลิกชีวิตจากการได้สัญญานักกีฬา ONE ทำให้ผมรู้สึกคึกมาก อยากจะตามรอยทั้งสองคนให้ได้ ซึ่งในปี 2567 นี้ ผมตั้งเป้าไว้อยากจะทำผลงานเก็บชัยชนะให้ได้ตลอดทั้งปีครับ”
ติดตามชม “มงคลแก้ว vs อีที” ศึก ONE ลุมพินี 62 ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 10 พ.ค.นี้ แฟนกีฬาการต่อสู้ชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และรับชมทางช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.
- เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เริ่ม 19.30 น.
- ยูทูบ ONE Championship (บางประเทศ) เริ่ม 19.30 น.
- Watch.ONEFC.com (บางประเทศ) เริ่ม 19.30 น.