จัดอันดับนักเตะ อาร์เซนอล ที่ดีที่สุดตลอดกาล - RANKED

ครั้งหนึ่ง อาร์เซน่อล เคยเป็นหนึ่งในทีมที่ยอดเยี่ยมเกรียงไกรมากที่สุดในเกาะ อังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาล 2003/04 ที่พวกเขาทำสถิติไร้พ่ายเป็นทีมแรกและทีมเดียวในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ วันนี้ 90MIN จึงอยากพาทุกท่านไปชม 20 แข้งที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม ปืนใหญ่ ว่าจะมีใครกันบ้าง

20. เอ็มมานูเอล เปอตีต์

ดาวเตะผมหางม้าผู้ได้รับการดัดแปลงโดย อาร์แซน เวนเกอร์ จากตำแหน่งกองหลังให้กลายมาเป็นสุดยอดมิดฟิลด์ตัวรับในสมัยที่ย้ายมาเล่นให้ อาร์เซน่อล โดยจุดเด่นของเขาคือการวางบอลยาวอันแม่นยำทะลุแนวรับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญให้เกมรุกทีม ปืนใหญ่ มีความอันตรายสูงมากในยุคนั้น

มากไปกว่านั้นคือความสามารถในการยืนตำแหน่งและอ่านเกมเข้าปะทะได้อย่างแม่นยำของ เปอตีต์ ช่วยให้คู่มิดฟิลด์ของเขาอย่าง ปาทริค วิเอร่า และเพื่อนร่วมทีมเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกได้อย่างสบายใจอีกด้วย

เปอตีต์ ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทีมชาติ ฝรั่งเศส คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 98 มาครองได้สำเร็จ โดยที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ทำสกอร์นัดชิงชนะเลิศอีกด้วย

19. เอ็นวานโก้ คานู

แม้จะเริ่มโด่งดังมาบ้างแล้วสมัยเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน แต่ต้องยอมรับว่า อาร์เซน่อล คือที่ที่ดาวเตะชาว ไนจีเรียน คนนี้ระเบิดฟอร์มกระฉูดแตก

ในช่วงแรกที่ เอ็นวานโก้ คานู ย้ายมา อาร์เซน่อล เพื่อทดแทนการจากไปของ นิโคลาส อเนลก้า เขาได้รับกระแสตอบรับที่ไม่ดีสักเท่าไรนัก แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ คานู เริ่มแสดงให้แฟน ปืนใหญ่ เห็นว่าเขามีของดี บวกกับรอยยิ้มที่ไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าเวลาลงเล่น สุดท้าย คานู กลายเป็นที่รักของแฟนบอล อาร์เซน่อล และลงเล่นให้ทีมมากถึง 198 เกม

จุดเด่นของ คานู คือเขาเป็นกองหน้าที่สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าและกองหน้าตัวต่ำ ประกอบกับทักษะการครองบอลและความว่องไวที่สามารถสลัดหนีตัวประกบได้ในชั่วพริบตา คานู จึงเป็นหนึ่งในกองหน้าที่รับมือได้ยากมากในช่วงเวลานั้น

18. มาร์ค โอเวอร์มาร์ส

มาร์ค โอเวอร์มาร์ส เป็นหนึ่งในดาวเตะผู้จุดประกายความสำเร็จให้ อาร์เซน่อล ในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ในปี 1997/98 เพราะทันทีที่เขาย้ายร่วมทีม ปืนใหญ่ โอเวอร์มาร์ส ระเบิดฟอร์มโหดพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ปีแรกใน พรีเมียร์ลีก

แน่นอนว่า อาร์เซน่อล ในตอนนั้นอุดมไปด้วยดาวเตะคุณภาพหลายคนไม่ว่าจะเป็น เอ็มมานูเอล เปอตีต์, ปาทริค วิเอร่า, หรือ เดนนิส เบิร์กแคมป์ แต่ถ้าว่ากันตามตรง โอเวอร์มาร์ส คือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดนี้สมบูรณ์แบบ เพราะเขารับจบในตำแหน่งริมเส้นช่วยให้เพื่อนทะลุทะลวงเกมรับคู่แข่งได้ง่ายขึ้นมาก

ทั้งความเร็วและความสามารถในการเล่นได้ทั้งสองเท้าทำให้ โอเวอร์มาร์ส เป็นที่น่าหวาดระแวงของกองหลังในช่วงนั้นมาก ในตอนท้ายการย้ายออกของเขายังทำเงินให้ อาร์เซน่อล ได้มากถึง 36 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติดาวเตะชาว ดัตช์ ที่ค่าตัวสูงที่สุดในเวลานั้นอีกด้วย

17. แพท ไรซ์

แพท ไรซ์ ไม่ใช่ดาวรุ่งพุ่งแรงผู้ทะลุขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซน่อล ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่เป็นความอดทนพยายามและอุตสาหะที่ทำให้เขากลายเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้

แพท ไรซ์ เข้าร่วมทีมเยาวชนของ อาร์เซน่อล เมื่อปี 1964 ก่อนจะได้รับโอกาสลงเดบิวต์ให้ทีมชุดใหญ่สามปีหลังจากนั้น ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว อาร์เซน่อล มี ปีเตอร์ สโตรีย์ จับจองตำแหน่งแบ็คขวาอยู่แล้ว ไรซ์ จึงต้องเฝ้ารอเวลาของตนเองอีกหลายปีก่อนจะยึดพื้นที่ตัวจริงได้ในปี 1970/71 โดยเขามีส่วนร่วมพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ปีนั้น

ไรซ์ เป็นกำลังหลักสำคัญให้ อาร์เซน่อล ต่อมาอีกหลายปี รวมถึงยังช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้อีกด้วย จนกระทั่งเขาได้รับปลอกแขนกัปตันทีมในปี 1977 และช่วยนำทีมเข้าชิง เอฟเอ คัพ สามปีซ้อนในปี 1978-1990 แม้จะได้มาเพียงสมัยเดียวก็ตาม

รวมทั้งหมดแล้ว แพท ไรซ์ ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล 528 เกม รวมเป็นระยะเวลากว่า 13 ปีที่เขาอยู่รับใช้สโมสร และยังมีโอกาสแวะมาทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ก่อนจะรีไทล์ไปในปี 2012 อีกด้วย

16. เรย์ พาร์เลอร์

เจ้าของฉายา 'เปเล่ แห่ง รอมฟอร์ด' ขึ้นชื่อเรื่องความขยันในตำแหน่งมิดฟิลด์ และความสามารถในการเล่นร่วมกับผู้เล่นคนอื่นได้อย่างยอดเยี่ยม เรย์ พาร์เลอร์ ถือเป็นตำนานที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในช่วงเวลาที่ อาร์เซน่อล ครองความยิ่งใหญ่

พาเลอร์ พา อาร์เซน่อล กวาดแชมป์ เอฟเอ คัพ 4 สมัย และ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย หนึ่งในนั้นคือฤดูกาลสุดท้ายของเขาในฐานะแชมป์ไร้พ่าย และถึงแม้ในช่วงท้ายของเขากับ อาร์เซน่อล พาร์เลอร์ จะเสียตำแหน่งตัวจริงให้ เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก จากช่วงวัยอายุและอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่เขาก็ยังมีส่วนสำคัญในห้องแต่งตัว คอยปลุกกำลังใจรุ่นน้องในทีมให้ฮึกเหิมอยู่เสมอ

15. เดวิด โรคาสเซิล

'เดวิด โรคาสเซิล' หรือ 'ร็อคกี้' คือหนึ่งในผลผลิตจากอคาเดมี่ทีม ปืนใหญ่ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่นที่ฝีเท้าดีมาก เขายังเป็นคนที่มีนิสัยใจคอส่วนตัวดีและคอยสร้างมวลบวกให้คนรอบข้างอยู่เสมอ

โรคาสเซิล ขึ้นชื่อเรื่องความครบเครื่องในตำแหน่งกองกลาง เขามีทั้งทักษะฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมและร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำในเวลาเดียวกัน ความสามารถเหล่านั้นอนุญาตให้เขาทำเกมได้จากทุกภาคส่วนในสนามได้ไม่ติดขัด จึงไม่แปลกใจที่ดาวเตะรายนี้จะพา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 สมัย และ ลีก คัพ อีก 1 สมัย

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ชีวิตของ โรคาสเซิล ไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไรนัก เขาจากไปด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น ทิ้งไว้เหลือแต่ความทรงจำอันสวยงามในวันที่เขาสวมเครื่องแบบทีม ปืนใหญ่

14. แพท เจนนิงส์

ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นนักเตะคนหนึ่งได้รับความรักและเป็นตำนานของสองทีมคู่แค้นอย่าง อาร์เซน่อล และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในเวลาเดียวกัน แต่ แพท เจนนิงส์ คือคน ๆ นั้น

เจนนิงส์ ย้ายร่วมทัพ ปืนใหญ่ ในปี 1977 หลังจากลงรับใช้ สเปอร์ส และประสบความสำเร็จมาพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการปัดป้องลูกยิงได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงบุคลิกภาพที่เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นทุนเดิม ทำให้เขาเอาชนะใจแฟนบอล อาร์เซน่อล ได้อย่างรวดเร็ว

เจนนิงส์ ค้าแข้งอยู่กับ อาร์เซน่อล เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 ปี ลงสนามทั้งหมด 327 เกม ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายทุกคนมาก เพราะในเวลาที่เขาย้ายออกจาก สเปอร์ส หลายคนคิดว่าเขาเริ่มถึงช่วงขาลงในอาชีพแล้วด้วยซ้ำ แต่ เจนนิงส์ กลับค้าแข้งอยู่กับทีม ปืนใหญ่ ได้อย่างยาวนาน

13. โซล แคมป์เบลล์

หนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ อาร์เซน่อล เพราะนอกจากจะได้กองหลังที่แข็งแกร่งและครบเครื่องมากที่สุดในช่วงเวลานั้นมาร่วมทีม ยังเป็นการตบหน้าคู่ปรับคู่แค้นตลอดกาลอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ได้แบบเจ็บแสบที่สุด

แคมป์เบลล์ เป็นถึงเด็กปั้นของสโมสร ไก่เดือยทอง ผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี รวมถึงมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้โดยหวังว่าเขาจะอยู่รับใช้ทีมไปนานเท่านาน แต่อย่างไรก็ตาม แคมป์เบลล์ กลับย้ายร่วมทีมคู่แค้นอย่าง อาร์เซน่อล แบบหน้าตาเฉย แถมเป็นการย้ายไปแบบไร้ค่าตัวอีกด้วย ทำให้ดีลนี้คุ้มตั้งแต่นักเตะยังไม่ได้ลงสนามเลยด้วยซ้ำ

พูดถึงในเรื่องฟอร์มการเล่น แคมป์เบลล์ ถือเป็นกองหลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดในยุคนั้น ถ้าเปรียบเทียบก็คงไม่ต่างจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในช่วงที่พีคที่สุดกับ ลิเวอร์พูล

ที่สำคัญคือเขาเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงหลังอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะพา อาร์เซน่อล คว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซันแรกที่ย้ายมาร่วมทีม แถมยังเป็นหนึ่งในขุนพลพาทีมคว้าแชมป์ไร้พ่ายในปี 2004 อีกด้วย

12. คลิฟฟ์ บาสติน

ไม่ต้องแปลกใจหากเราไม่เคยได้ดูชายคนนี้ลงเล่นแบบสด ๆ ในสนาม หรือไม่แม้แต่เคยได้ยินชื่อของเขาผ่านหู เพราะนับตั้งแต่ คลิฟฟ์ บาสติน ลงเดบิวต์ให้ อาร์เซน่อล นี่ก็ร่วมหนึ่งร้อยปีเข้าไปแล้ว

ถึงอย่างไรก็ตาม สถิติความยอดเยี่ยมในการทำประตูของเขายังคงค้างอยู่บนรายชื่อดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ อาร์เซน่อล ในลำดับที่สามจนถึงปัจจุบัน

บาสติน ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ครั้งแรกในปี 1929 ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ลงรับใช้สโมสรคาบเกี่ยวในช่วงเวลาสงครามโลกทั้งสองครั้ง โดยจุดเด่นของเขาคือความสามารถในการเคลื่อนที่หาช่องว่าง และการจบสกอร์อันเฉียบขาด เป็นที่มาของจำนวนประตู 178 ลูกที่เขาทำได้

ตลอดช่วงเวลาที่ค้าแข้งกับทีม ปืนใหญ่ บาสติน พาทีมคว้าแชมป์ลีก 5 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย ครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลได้ยาวนานถึง 60 ปีก่อนที่ เอียน ไรท์ จะมาโค่นลงได้ในปี 1997

11. เดวิด โอเลียรี่

เดวิด โอเลียรี่ เป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล ที่คุ้มค่าที่สุดตลอดกาล จุดเด่นของเขาคือเป็นกองหลังที่มีความเร็วสามารถควบตามบรรดาแนวรุกได้ทันแม้จะมีส่วนสูงถึง 185 เซนติเมตร และเขายังมีความนิ่งเป็นเลิศในการเก็บบอลไว้ในแดนหลัง ช่วยให้ทีมกุมความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างมาก

โอเลียรี่ ยังนับเป็นผู้เล่นที่จงรักภักดีต่อ อาร์เซน่อล มากที่สุดคนหนึ่ง เพราะตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา โอเลียรี่ ลงเล่นให้ทัพ ปืนใหญ่ เพียงสโมสรเดียวเท่านั้น จนกลายเป็นผู้เล่นที่ลงสนามให้ อาร์เซน่อล มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 722 นัด และสถิติดังกล่าวยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันด้วย

10. เฟรดดริก ลุงเบิร์ก

เฟรดดริก ลุงเบิร์ก น่าจะเป็นหนึ่งในดาวเตะยุค 2000 ที่แฟนบอล อาร์เซน่อล รักมากที่สุด เพราะตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ ดึงเขามาร่วมทีมในปี 1998 ลุงเบิร์ก มักจะโชว์ความมหัศจรรย์ให้แฟนบอลได้เห็นในแมตช์ใหญ่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ยังไม่นับรวมสไตล์การย้อมผมแดงที่ใครเห็นก็ลืมไม่ลง

แม้จะถนัดเล่นในตำแหน่งปีกขวาเป็นหลัก แต่ ลุงเบิร์ก ยังมีความสามารถและความเข้าใจในการลงเล่นหลายตำแหน่งได้ดี ทำให้เขากลายเป็นดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่ เวนเกอร์ มักจะเลือกใช้ในแท็คติกต่าง ๆ ไม่ซ้ำรูปแบบ และยังเป็นส่วนสำคัญพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ปี 2001/02 อีกด้วย

หลังแขวนสตั๊ด ลุงเบิร์ก มีโอกาสแวะเวียนมารับใช้ทีม ปืนใหญ่ ในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีม และ ผู้จัดการทีมชั่วคราว ตอกย้ำความรักและทุ่มเทที่เขามีให้ อาร์เซน่อล เป็นอย่างดี

9. ชาลี จอร์จ

ดาวเตะสายเลือด อาร์เซน่อล เข้มข้นผู้เติบโตมาจากการเป็นแฟนบอลทีม ปืนใหญ่ ก่อนจะมีโอกาสได้เขียนหน้าประวัติศาสตร์ด้วยตนเอง

โมเม้นต์ที่น่าจดจำที่สุดคือเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับ ลิเวอร์พูล ปี 1971 ซึ่ง จอร์จ เป็นผู้ยิงประตูชัยสุดสวยในช่วงต่อเวลาพิเศษ พา อาร์เซน่อล ซิวแชมป์ปีนั้นได้สำเร็จ แถมท่านอนกางแขนดีใจของเขายังคงเป็นภาพจำให้แฟนบอลมาจนถึงทุกวันนี้

น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บคอยรังควานการเล่นของ จอร์จ เป็นระยะ ๆ ก่อนที่ อาร์เซน่อล จะเริ่มฟอร์มร่วงและทีมแตกในเวลาต่อมา ซึ่ง ชาลี จอร์จ ก็เป็นหนึ่งในรายชื่อแข้งที่ย้ายออกจากทีมในช่วงเวลาดังกล่าว

8. โรแบร์ ปิแรส

หนึ่งในผู้เล่นตัวริมเส้นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ อาร์เซน่อล โดยตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทีมในปี 2000 ปิแรส เป็นคีย์แมนคนสำคัญในทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่ถึง 6 ปี ช่วยให้ทีม ปืนใหญ่ แข็งแกร่งมากในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่หู อองรี & ปิแรส โชว์ฟอร์มออกกันทั้งคู่

ปิแรส ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติการเลี้ยงบอลได้อย่างเชื่องเท้า รวมถึงความสามารถในการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างเฉียบคมทั้งลูกโยนและลูกเลียด ในขณะเดียวกันก็สามารถจบสกอร์ด้วยตนเองได้ดีเช่นกัน ในฤดูกาล 2001/02 ปิแรส ระเบิดฟอร์มยิงถึง 14 ประตู กับ 15 แอสซิสต์ ในลีก

ตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ปิแรส พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย และเป็นหนึ่งในขุนพลชุดแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย

7. เดวิด ซีแมน

หากจะพูดถึงนายทวารที่ดีที่สุดตลอดกาลของ อาร์เซน่อล แน่นอนว่าชื่อของ เดวิด ซีแมน ต้องถูกยกขึ้นมาเป็นอันดับแรกแน่นอน เพราะตลอดระยะเวลากว่า 564 เกมที่ อาร์เซน่อล มีชายคนนี้ลงเฝ้าเสา พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูยากมากถึงมากที่สุด

โทรฟี่แชมป์ลีกสูงสุด อังกฤษ 3 สมัย พ่วง เอฟเอ คัพ อีก 4 สมัย เป็นตัวการันตีความสำเร็จร่วมกันของ อาร์เซน่อล และ ซีแมน โดยเฉพาะในซีซัน 1990/91 ซีแมน พาทีมคว้าแชมป์ด้วยการเสียประตูเพียง 18 ลูก และ แพ้เพียงแค่เกมเดียวตลอดทั้งซีซัน

ซีแมน ยังเป็นหนึ่งในทายทวารที่ดีที่สุดของทีมชาติ อังกฤษ ด้วยการลงเล่นให้ทีม สิงโตคำราม มากถึง 75 เกม ถือเป็นผู้รักษาประตูที่ลงเฝ้าเสาให้ อังกฤษ มากที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นอันดับสองรองจาก ปีเตอร์ ชิลตัน

6. เลียม เบรดี้

เพลย์เมกเกอร์ชาว ไอริช ผู้ที่ว่ากันว่าเป็นนักเตะที่มีเทคนิคแพรวพราวมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ทีม อาร์เซน่อล ด้วยพรสวรรค์ที่มีทั้งความแข็งแกร่ง, ความเร็ว, และความเฉลียวฉลาดในการเลือกเล่น เบรดี้ กลายมาเป็นจอมทัพคนสำคัญของทีมในช่วงปลายยุค 70 และ ต้นยุค 80

เบรดี้ มีส่วนร่วมพา อาร์เซน่อล เข้าชิง เอฟเอ คัพ ได้สามปีซ้อนในช่วงปี 1978-1980 และยังคว้าแชมป์มาได้หนึ่งในสามของจำนวนที่เข้าชิงด้วย น่าเสียดายที่ถ้วยดังกล่าวเป็นถ้วยแรกและถ้วยเดียวที่ เบรดี้ คว้าได้กับ อาร์เซน่อล แม้ฝีเท้าของเขาจะสมควรได้แชมป์มากกว่านั้นก็ตาม

ถึงอย่างนั้น เบรดี้ ก็สามารถคว้ารางวัลส่วนตัวมาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร 3 สมัย และ ผู้เล่นยอดเยี่ยม พีเอฟเอ ในปี 1979

5. ปาทริค วิเอร่า

การเซ็นสัญญารายแรกของ อาร์แซน เวนเกอร์ หลังจากตกลงปลงใจมาคุม อาร์เซน่อล ซึ่งว่ากันตามตรง นี่อาจเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของ เวนเกอร์ เลยก็ว่าได้ เพราะ ปาทริค วิเอร่า เป็นทุกอย่างในแผงกองกลางให้ อาร์เซน่อล จนทีมยิ่งใหญ่เกรียงไกรไม่เป็นสองรองใครในเวลานั้น

ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ วิเอร่า กลายมาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก แต่เขาไม่ได้มีจุดเด่นที่เกมรับเพียงอย่างเดียว วิเอร่า ยังปราดเปรื่องในการเล่นเป็นมิดฟิลด์แบบ 'บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์' ซึ่งใช้พลังงานในระดับสูงช่วยวิ่งทำลายเกมคู่แข่งและเติมเกมรุกตลอดทั้ง 90 นาที อีกทั้งยังมีความสามารถในการคุมจังหวะเกมได้แยบยลอีกด้วย

ตลอดช่วงเวลาที่ วิเอร่า ลงเล่นคู่กับ เปอตีต์ แดนกลางของ อาร์เซน่อล หาทีมใดจะมางัดข้อด้วยยากมาก ๆ ครั้นจะคุมแดนกลางคนเดียวหลัง เปอตีต์ ย้ายออกไป วิเอร่า ก็โชว์ให้เห็นว่าเขาเอาอยู่ เขาคือต้นแบบของนักเตะที่มีความเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนามอย่างแท้จริง และ อาร์เซน่อล ไม่เคยเหมือนเดิมหลัง วิเอร่า ย้ายออกไป

4. เอียน ไรท์

แม้จะย้ายซบ อาร์เซน่อล ในช่วงวัย 28 ปี ซึ่งหลายคนมองว่าแก่เกินไปแล้ว แต่ เอียน ไรท์ โชว์ให้เห็นว่าอายุไม่ใช่ปัญหาด้วยการซัดประตูใส่ เลสเตอร์ ในเกมเดบิวต์ของเขาในเกม ลีก คัพ หลังจากนั้นก็กดแฮตทริกใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน ในเกมนัดแรกของเขาในลีกกับ อาร์เซน่อล ก่อนจะเดินหน้ากระซวกตาข่ายไม่ยั้งในเวลาต่อมา

ความสามารถพิเศษของ เอียน ไรท์ คือเขาสามารถเปลี่ยนบอลจากจังหวะธรรมดาให้กลายเป็นประตูได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขามีความเฉียบคมในการจบสกอร์เป็นเลิศ และยังมีบุคลิกความเป็นกันเองนอกสนามจนทำให้แฟนบอล อาร์เซน่อล และเพื่อนร่วมทีมต่างรักเขาเป็นที่สุด

ไรท์ จากลา อาร์เซน่อล ไปในปี 1998 ซึ่งเป็นซีซันที่ นิโคลาส อเนลก้า เริ่มเข้ามามีบทบาทตัวจริงแทนที่เขาเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ไรท์ ก็ยังมีโอกาสได้สัมผัสถ้วยแชมป์ลีก พร้อมทำสถิติเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลแซงหน้า คลิฟฟ์ บาสติน ที่ครองตำแหน่งมาอย่างยาวนานถึง 60 ปี

3. เดนนิส เบิร์กแคมป์

เดนนิส เบิร์กแคมป์ ย้ายร่วมทัพ อาร์เซน่อล ด้วยดีกรีความสุดยอดที่มีติดตัวมาอยู่แล้วคือเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง บัลลงดอร์ แถมเป็นสตาร์ของทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ มาแล้วด้วย แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้กลับเทียบไม่ได้เลยกับ 11 ปีของ เบิร์กแคมป์ กับ อาร์เซน่อล

จำนวน 120 ประตูจาก 423 นับเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับนักเตะคนหนึ่ง แต่ถ้าว่ากันตามตรงจุดเด่นของ เบิร์กแคมป์ คือการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนมากกว่าทำประตูเอง

ด้วยความสามารถควบคุมบอลในพื้นที่แคบได้ดี รวมถึงวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลทำลายแนวรับคู่แข่ง ทำให้กองหน้าที่ได้ลงเล่นคู่กับเขาอย่าง เธียร์รี่ อองรี และ เอียน ไรท์ ต่างตกเป็นผู้โชคดีกันทั้งนั้น เพราะแค่คุณวิ่ง เบิร์กแคมป์ ก็พร้อมจะหาคุณเจอเสมอ

ตลอดเวลากว่าทศวรรษกับทีม ปืนใหญ่ เบิร์กแคมป์ ช่วยให้ อาร์เซน่อล ขึ้นมาเขย่าบัลลังค์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างคู่คี่สูสี เขาเหมือนศิลปินในคราบนักบอล และยังพา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย กับ เอฟเอ คัพ อีก 4 สมัยด้วย

2. โทนี่ อดัมส์

สำหรับแฟน อาร์เซน่อล โทนี่ อดัมส์ คงเป็นนักเตะและกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทีมเคยมีมา เขาไม่เพียงแต่เป็นนักเตะที่เล่นได้สุดยอดและยืนระยะได้ยาวนานเท่านั้น แต่ โทนี่ อดัมส์ ยังมีความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญจนหลายคนยึดถือเขาเป็นไอดอลในชีวิตนักฟุตบอล

อดัมส์ ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมตั้งแต่อายุ 21 ปี ทำให้เขาแบกรับภาระความเป็นผู้นำมาตั้งแต่อายุยังน้อย และพาทีมคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซันแรกที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีมในปี 1989

แม้ในช่วงหนึ่งของชีวิต โทนี่ อดัมส์ จะต้องต่อสู้กับอาการติดแอลกอฮอล์อย่างยากลำบาก แต่ท้ายที่สุดเขาก็เอาชนะมันได้และกลับมาโฟกัสกับฟุตบอลจนพาทีมคว้าแชมป์อย่างสมเกียรติ์ และ อาร์เซน่อล ยังเป็นเพียงสโมสรเดียวที่เขาลงรับใช้อีกด้วย

ในเกมสุดท้ายของเขากับ อาร์เซน่อล โทนี่ อดัมส์ ทำประตูได้สำเร็จพร้อมส่งทีมคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 1997/98 ซึ่งท่าดีใจของเขาในวันนั้นก็ถูกนำมาหลอมเป็นรูปปั้นตั้งหน้า เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จนถึงทุกวันนี้ ตอกย้ำความเป็น 'มิสเตอร์ อาร์เซน่อล' ของเขาไปอีกนานเท่านาน

1. เธียร์รี อองรี

เธียร์รี่ อองรี ไม่ได้ก้าวเข้ามาที่ อาร์เซน่อล ในฐานะนักเตะชื่อดัง แต่เขาเดินออกไปในฐานะตำนานสโมสร โดยในช่วงแรกที่ดาวเตะชาว ฝรั่งเศส ย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก อองรี เจอกับความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ของลีก อังกฤษ แต่หลังจากเมื่อเขาจุดไฟติด อะไรก็หยุดเขาไม่อยู่ทั้งนั้น

รางวัลดาวซัลโวลีก อังกฤษ 4 สมัยเป็นตัวการันตีความสามารถในการทะลวงตาข่ายคู่แข่งของ อองรี ได้เป็นอย่างดี ส่วนในซีซันที่เขาไม่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ อองรี ก็ทำแอสซิสต์ได้มากถึง 20 ลูกซึ่งเยอะที่สุดเท่าที่ผู้เล่นคนนึงจะทำได้ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก (เท่ากับ เควิน เดอ บรอยน์ ในปัจจุบัน)

ซีซันที่เขาท็อปฟอร์มที่สุดคงจะหนีไม่พ้นฤดูกาล 2003/04 ที่ อองรี กดคนเดียวไปถึง 30 ประตูพา อาร์เซน่อล เถลิงบรรลังค์แชมป์แบบร้ายพ่ายได้สำเร็จ และในปี 2006 อองรี ยังพา อาร์เซน่อล ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย

อองรี โบกมือลาสโมสรไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ในฐานะตำนานทีม ปืนใหญ่ แถมฝากสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ อาร์เซน่อล ไว้จวบจนถึงทุกวันนี้ (228 ประตู)

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม อาร์เซนอล ได้ที่นี่

ต้นฉบับของบทความนี้เผยแพร่ภายใต้ 90min.com/th ที่ชื่อ จัดอันดับนักเตะ อาร์เซนอล ที่ดีที่สุดตลอดกาล - RANKED.

2024-07-21T15:44:32Z dg43tfdfdgfd